7 ที่เที่ยวเกียวโตห้ามพลาด!

By KKTOURJAPAN – Feb 1, 2022

เกียวโตเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ล้อมรอบด้วยเนินเขาทางตอนกลางของเกาะฮอนชู นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงในด้านการรักษาบรรยากาศในอดีตไว้มาก เกียวโตนั้นเป็นที่ประทับของจักรพรรดิและศูนย์วัฒนธรรมหลักของญี่ปุ่นมาเกือบ 1,100 ปี ปัจจุบันเกียวโตมีกิจกรรมน่าสนใจมากมายและสถานที่ที่น่าไปเยี่ยมชม รวมถึงการสำรวจตัวอย่างที่ดีของประติมากรรม ภาพวาด และรูปแบบศิลปะอื่นๆ ในพิพิธภัณฑ์ และแกลเลอรี่

วันนี้ #kktourjapan จะพาค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในเมืองเกียวโต มาดูกันว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้าง

ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine / 貴船神社)

https://www.kanpai-japan.com/sites/default/files/uploads/2019/02/kibune-3.jpg

ศาลเจ้าคิฟุเนะ เป็นศาลเจ้าโบราณที่ตั้งอยู่ ณ หมู่บ้าน ในพื้นที่ภูเขาทางตอนเหนือของเกียวโต และยังเป็นศาลเจ้าทั้สามแห่งที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งต่างๆ บนเนินเขาที่แตกต่างกัน ลักษณะเด่นที่เป็นที่รู้จักกันดีนั่นก็คือบันไดหินที่สึกหรออย่างดี เรียงรายไปด้วยโคมไฟไม้สีแดงอันโดดเด่นซึ่งชวนให้นึกถึงยุคสมัยก่อน โดยศาลเจ้าแต่ละแห่งมีเสน่ห์เฉพาะตัว ศาลเจ้ากลางมีความโดดเด่นในเรื่องที่ตั้งในป่าสนซีดาร์โบราณสูงตระหง่าน ในขณะที่ศาลเจ้าบนเป็นที่ที่เก่าแก่และดั้งเดิมของศาลเจ้า

ศาลเจ้านี้มีอายุมากกว่า 1600 ปีและยังเก่าแก่กว่าเกียวโตเอง เป็นที่ประดิษฐานเทพเจ้าแห่งสายน้ำและสายฝน ในอดีตนักการทูตจะมาเพื่อขอฝน ชาวนาและผู้ผลิตเหล้าสาเกมักจะสักการะที่ศาลเจ้าแห่งนี้ อากาศบนภูเขาช่วยให้บริเวณนั้นเย็นในฤดูร้อน เช่นเดียวกับลำธารที่ไหลในบริเวณใกล้เคียงซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องน้ำบริสุทธิ์ เป็นสถานที่ยอดนิยมในการหลีกหนีความร้อนของฤดูร้อนและเพลิดเพลินกับบรรยากาศของประวัติศาสตร์และความงามตามธรรมชาติ

สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://kifunejinja.jp/en/

พิกัด: https://goo.gl/maps/VeADUvYPmRZ7ytiGA

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine / 伏見稲荷大社)

https://blog.japanwondertravel.com/wp-content/uploads/2020/11/christian-dancke-tuen-bnGYE40VuUw-unsplash-scaled.jpg

หนึ่งในศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น เป็นสถานที่ที่ต้องไปเมื่ออยู่ในเกียวโต ศาลเจ้านี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 711 และอุทิศให้กับเทพธิดาแห่งการปลูกข้าว ศาลเจ้าแห่งนี้ยังคงมีพ่อค้าที่สวดมนต์เพื่อความเจริญรุ่งเรือง

อาคารหลักสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1499 และมีถนน “โทริอิ” หรือซุ้มประตูสีส้มสดใสยาวสี่กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกหลายตัวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ส่งสารของเหล่าทวยเทพ

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริตั้งอยู่นอกสถานี JR อินาริ (Inari Station / 稲荷駅) สถานีที่สองจากสถานีเกียวโตตามเส้นทาง JR นารา (Nara Line / 奈良線) 5 นาที 150 เยน เที่ยวเดียวจากสถานีเกียวโต

สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: http://inari.jp/en/

พิกัด: https://goo.gl/maps/yyTSHTcrKiKwrCMW7

วัดคิงกะกุ (Kinkaku-ji: The Golden Pavilion / 金閣寺)

https://www.eterna-group.co.jp/housing/forte/6/img/main1.jpg

สถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 เพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศของโชกุน อาชิคางะ โยชิมิตสึ และปัจจุบันเป็นวัดพุทธนิกายเซน หรือศาลาทองคำ อันงดงาม เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามที่สุดของเกียวโต

ศาลาทองคำ ได้ชื่อมาจากแผ่นทองคำเปลวที่ประดับประดาอยู่ด้านบนสองในสามชั้น ซึ่งเป็นองค์ประกอบการออกแบบที่เชื่อกันว่าสามารถบรรเทาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความตายได้ โครงสร้างนี้ได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในรูปแบบเดิมหลายครั้ง ซึ่งล่าสุดนี้สืบมาจากปลายทศวรรษ 1950

สถานที่นี้สร้างขึ้นเหนือสระน้ำขนาดใหญ่ และยังขึ้นชื่อเรื่องพื้นที่ที่สวยงาม เช่นเดียวกับเจดีย์หินเก่าแก่และโรงน้ำชาที่มีเครื่องดื่มเสิร์ฟตามประเพณี

สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://www.shokoku-ji.jp/en/kinkakuji/

พิกัด: https://goo.gl/maps/sCdAQtFjmVkW4BUQ6

กิออน (Gion / 祇園)

https://www.homes.co.jp/life/images/20201225120625/main_63779023-2000×1238.jpg

กิออนมีชื่อเสียงในฐานะย่านบันเทิงและเกอิชา เป็นพื้นที่ของเกียวโตที่เหมาะแก่การเดินสำรวจเป็นอย่างยิ่ง กิออนตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำคาโมกาวะ มีสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ผสมผสานกับความงามทางประวัติศาสตร์ที่ให้รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของประเพณีญี่ปุ่นมากมาย ตั้งแต่เกอิชาที่แต่งกายอย่างวิจิตรไปจนถึงร้านอาหารและร้านน้ำชาสมัยศตวรรษที่ 17 ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี

โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณถนนฮานามิโคจิ (Hanami-Koji / 花見小路) ถนนชิโจ (Shijo-dori / 四条通) และทางเดินริมน้ำของถนนชิราคาวะ มินามิ (Shirakawa Minami-dori / 白川南通) กิออนยังมีชื่อเสียงในด้านวัดวาอารามที่สวยงามมากมาย ที่ขึ้นชื่อที่สุดคือวัดกิงกะกุ หรือ Silver Pavilion (Ginkakuji Temple / 銀閣寺) สมัยศตวรรษที่ 15 และวัดชิออนอิน (Chion-in Temple / 知恩院)

พิกัด: https://goo.gl/maps/XpjDjUwCNVMymcr3A

พระตำหนักคัตสึระ (Katsura Imperial Villa / 桂離宮)

https://oniwa.garden/wp-content/uploads/2020/05/01-3-1200×900.jpg

คัตสึระอิมพีเรียลวิลล่าสร้างขึ้นในปี 1624 สำหรับเจ้าชายฮาจิโจ โทชิฮิโตะ น้องชายของจักรพรรดิโกโยเซ เป็นที่ตั้งของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สวยงาม และเป็นหนึ่งในสวนประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น

สวนที่สวยงามแห่งนี้จัดวางในลักษณะที่ผู้เยี่ยมชมมักจะมองเห็นสิ่งต่างๆ จากด้านหน้า นอกจากนี้สวนขนาดเล็กยังถูกจัดกลุ่มรอบสระน้ำขนาดใหญ่ที่มียอดเขาอาราชิยามะ และคาเมะยามะเป็นฉากหลัง

ไฮไลท์หลักได้แก่ ประตูมิยูกิมงและทางเดินในสวนหลายแห่ง บางแห่งสร้างจากกรวดแม่น้ำที่ปูด้วยหินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ล้อมรอบด้วยมอสและพุ่มไม้ ซึ่งจะนำไปสู่ประตูสู่สวนชั้นในโดยมีกลุ่มอาคารที่เรียกว่าโกเท็นอยู่ตรงกลาง

ไฮไลท์พิเศษที่นี่คือระเบียงที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถสังเกตดวงจันทร์ได้ และห้องสามห้องที่มีภาพวาดมากมายโดยศิลปินชั้นนำของญี่ปุ่น และอย่าลืมแวะรับประทานอาหารหรือของว่างเบาๆ ในโรงน้ำชาสักแห่งที่มีให้เลือกมากมายเช่นกัน

สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://sankan.kunaicho.go.jp/english/guide/katsura.html

พิกัด: https://goo.gl/maps/9kyBK8EcMZFP5ip79

วัดคิโยมิสุเดระ (Kiyomizu-dera Temple / 清水寺)

https://assets.st-note.com/img/1635995650108-7yA8CFjZ6m.jpg

วัดคิโยมิสุเดระ บนภูเขาโอโตวะ เป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น สถานที่ที่ปรากฏในทุกลำดับของภาพถ่ายการเดินทางของญี่ปุ่น ธรมชาติโดยรอบเป็นต้นไม้และป่าซากุระทั้งหมด เป็นหนึ่งในจุดที่นสวยที่สุดของเกียวโต โครงสร้างปัจจุบันมีอายุถึงปี 1633 และเป็นหนึ่งใน 33 วัดบนเส้นทางแสวงบุญในภูมิภาคคันไซซึ่งอุทิศให้กับพระแม่กวนอิม ซึ่งเป็นเทพีแห่งความเมตตา วัดแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก

เมื่อมาเที่ยววัดนี้ เราจะได้เดินเที่ยวเล่นยาว 4 ชั่วโมง ถึงถนนคนเดิน 2 ช่วง คือ ย่านนิเนซากะ (Nineizaka / 二寧坂）และ ย่านซันเนซากะ (Sanneizaka / 産寧坂) เป็นย่านประวัติศาสตร์ที่มีทั้งร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารมากมาย อยู่ภายในอาคารที่เก่าแก่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนว่าคุณได้ย้อนเวลากลับไป

วัดคิโยมิสุเดระ หมายถึง “วัดน้ำบริสุทธิ์” โดยฐานของภูเขาที่น้ำตกตั้งอยู่ น้ำไหลลงสู่ลำธารสามสาย ศาลเจ้าที่นักท่องเที่ยวสามารถดื่มได้จากลำธารแต่ละสาย กล่าวกันว่าน่านน้ำมีประโยชน์ที่แตกต่างกัน: อายุยืน การเรียน และชีวิตรักที่ดี แต่การดื่มจากทั้งสามนั้นถือว่าไม่ควรเพราะเป็นการโลภเกิน ดังนั้นผู้ที่ดื่มจะต้องเลือกอย่างระมัดระวัง อีกทั้งวัดนี้เป็นส่วนหนึ่งของสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างขวางสำหรับชมวัด ศาลเจ้า และโถงต่างๆ นอกากนี้ยังมีโรงน้ำชาและคาเฟ่อีกด้วย

สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://www.kiyomizudera.or.jp/en/

พิกัด:

วัดคิโยมิสุเดระ https://goo.gl/maps/PB9UDq2sQb9gcAHZ9
ย่านนิเนซากะ https://goo.gl/maps/8CtS6cae6Zu4TTSR9

ย่านซันเนซากะ https://goo.gl/maps/2xryoMqzz4KoDLhx6

อาราชิยามะ (Arashiyama / 嵐山)

https://i0.wp.com/www.agoda.com/wp-content/uploads/2020/02/Sagano-Scenic-Railway-Arashiyama-Kyoto-Japan-1.jpg?ssl=1

อาราชิยามะ เป็นย่านท่องเที่ยวที่น่าอยู่ในเขตชานเมืองด้านตะวันตกของเกียวโต พื้นที่นี้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมตั้งแต่สมัยเฮอัน (ค.ศ. 794-1185) ซึ่งบรรดาขุนนางจะเพลิดเพลินไปกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของพื้นที่ อาราชิยามะเป็นที่นิยมโดยเฉพาะในช่วงฤดูซากุระบานและฤดูใบไม้ร่วง สะพานโทเก็ตสึเคียวเป็นแลนด์มาร์กสำคัญใจกลางอาราชิยามะ มีร้านค้าเล็กๆ ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ มากมายในบริเวณใกล้เคียง รวมทั้งวัดเทนริวจิ (Tenryuji / 天龍寺) ป่าไผ่ที่มีชื่อเสียง และเรือสำราญให้เช่าในแม่น้ำ

นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวบนสวนอาราชิยามะเป็นสถานที่หนึ่งในนั้น ตั้งอยู่บนที่ราบซึ่งเป็นปลายทางของช่องเขาแคบที่มีแม่น้ำโฮสุกาวะตัดผ่าน จากตรงนี้สามารถมองเห็นรถไฟสายโรแมนติกได้ด้วย ที่นี่มีวิวสวยตลอดทั้งปีที่แตกต่างกันไปใน 4 ฤดู ไม่ว่าจะเป็นซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้เขียวชะอุ่มในฤดูร้อน ใบไม้แดงในฤดูใบไม้ร่วง และหิมะ(ถ้าตก)ในฤดูหนาว

อีกหนึ่งสถานที่คือ ป่ากิโมโน แห่งอาราชิยามะ รูปแบบศิลปะกลางแจ้งรอบๆ สถานีปลายทางอาราชิยามะ ประกอบด้วยกระบอกอะคริลิกใส และเรืองแสงในเวลากลางคืน จำนวน 600 แท่ง ความสูง 2 เมตร ภายในแต่ละกระบอกเป็นตัวอย่างการออกแบบผ้ากิโมโนสไตล์ Kyo-yuzen แบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นชื่อของสไตล์การย้อมผ้าที่พัฒนาในเกียวโตในสมัยเอโดะ ช่วงเวลาที่โดดเด่นสวยงามที่สุด คือ เวลาหลังพระอาทิตย์ตก ไปจนถึง 21.00 น. ซึ่งแสงไฟจะดับลง ต้นเสาจะสว่างไสวสะดุดตาสร้างบรรยากาศแสนอบอุ่นแบบดั้งเดิม